วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฟอร์แมตเตอร์ –Formatter                                                                                                                              โปรแกรมฟอร์แมตเตอร์เป็นโปรแกรมสำหรับการเตรียมรูปแบบการบันทึกข้อมูลบนดิสก์ เนื่องจากดิสก์เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่นและระบบปฏิบัติการไม่เฉพาะเจาะจง ก่อนที่จะใช้ดิสก์เป็นข้อมูลสำหรับระบบปฏิบัติการแบบใดจำเป็นต้องจัดรูปแบบการการจัดเก็บข้อมูลไฟล์และโครงสร้างที่เกี่ยวกับการจัดเก็บไฟล์และแบ่งไดเร็กทอรี่หรือโฟลเดอร์ตามรูปแบบที่ระบบปฏิบัติการนั้นกำหนด การจัดรูปแบบที่เรียกว่าดิสก์ฟอร์แม็ต จะต้องทำกับทั้งอาร์คดิสก์และฟล๊อปปี้ดิสก์ก่อนที่จะใช้ดิสก์นั้นเก็บข้อมูลครั้งแรก ซึ่งระบบปฏิบัติการทุกระบบจะเตรียมโปรแกรมยูติลิตี้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจัดฟอร์แม็ตดิสก์ใหม่ เช่น ในเอ็มเอสดอส ใช้คำสั่ง FORMAT.COMในวินโดว์ก็มีคำสั่ง Format… ในกลุ่มเมนู File เมื่อเราเลือกไอคอนแสดงดิสก์ในระบบคอมพิวเตอร์ใหญ่คำสั่งในการจัดฟอร์แม็ตจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้งานได้ใช้คำสั่งเช่นนี้กับฮาร์ดดิสก์ของระบบ ผู้ที่สามารถใช้คำสั่งนี้ได้จะเป็นผู้ดูแลระบบเท่านั้นและอาจจะต้องเข้าสู่โหมดในการจัดการระบบก่อนที่จะทำการฟอร์แม็ตได้ เนื่องจากการฟอร์แม็ตดิสก์ใหม่จะทำให้โปรแกรม และข้อมูลที่ถูกติดตั้งและบันทึกอยู่ถูกลบล้างหายไปทั้งหมด จึงเป็นคำสั่งที่จะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง แม้แต่ในเครื่องพีซีที่ใช้งานส่วนบุคคลก็จะต้องระวังไม่ให้ใช้คำสั่งนี้ผิดพลาด เช่นเลือกฟอร์แม็ตดิสก์ผิดตัว เป็นต้น
โปรแกรมช่วยค้นหาไฟล์ข้อมูล – Find File                                                                                                 การเก็บข้อมูลไฟล์ในระบบที่มีหน่วยบันทึกข้อมูลความจุสูงที่ใช้กันทุกวันนี้มีความสามารถเก็บข้อมูลได้นับหมื่นไฟล์ การเก็บข้อมูลมีการแบ่งโครงสร้างเป็นโฟลเดอร์ที่สามารถแตกออกไปได้หลายชั้น ด้วยจำนวนไฟล์ที่มีมาก และสามารถจัดแบ่งโฟลด์เดอร์ที่เก็บข้อมูลย่อยๆ บางครั้งเป็นการยากที่เราจะค้นหาไฟล์ข้อมูลที่ต้องการนำมาใช้งานว่ามีอยู่หรือไม่และจัดเก็บไว้ในตำแหน่งใดโปรแกรมค้นหาไฟล์ข้อมูลเป็นยูติลิตี้ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาได้ว่ามีไฟล์ที่ต้องการเก็บอยู่หรือไม่และหากมีไฟล์นั้นอยู่มี่ตำแหน่งใด โดยระบุเงื่อนไขของไฟล์ที่ต้องการได้หลายเงื่อนไข เช่นกำหนดชื่อไฟล์หรือระบุเฉพาะบางส่วนของชื่อไฟล์ ชนิดของข้อมูลที่บรรจุอยู่ในไฟล์ ช่วงวันที่ที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลล่าสุด หรือระบุข้อมูลหรือข้อความที่อยู่ในไฟล์นั้น
ตัวอย่างเช่น คำสั่ง FINDFILE ในโนเวลล์เน็ตแวร์ คำสั่ง Find Files or Folders … ของวินโดว์ 98 เป็นต้น
โปรแกรมช่วยลดขนาดไฟล์ในการจัดเก็บบันทึกให้เล็กลง –File Compression
การจัดเก็บไฟล์ข้อมูลที่จะฝากเก็บไว้โดยยังไม่ได้ใช้งานสามารถบีบขนาดไฟล์ให้เล็กลงได้โดยใช้กระบวนการบีบอัดข้อมูลที่เรียกว่าดาต้าคอมเพรสชั่น (data compression) ซึ่งขนาดอาจลดลงได้มากถึง 90% คือใช้พื้นที่เก็บข้อมูลเพียง 10% ของขนาดข้อมูลจริง แล้วแต่ว่าข้อมูลนั้นมีความซ้ำกันเพียงใดหากซ้ำกันมากก็สามารถลดขนาดได้มาก ข้อมูลที่ถูกลดขนาดลงไม่สามารถนำมาใช้งานได้ทันที หากต้องการนำกลับมาใช้งานจะต้องขยายขนาดข้อมูลกลับมาเท่าเดิมโดยใช้โปรแกรมขยายขนาดกลับมาเรียกว่าดีคอมเพรสชั่น (decompression) ซึ่งโปรแกรมยูติลิตี้ที่ช่วยในการลดขนาดข้อมูล จะมีคำสั่งสำหรับขยายขนาดข้อมูลกลับมาเป็นข้อมูลเท่าเดิมด้วย นอกจากนี้ยังสามารถบีบอัดและรวมข้อมูลหรือโปรแกรมจากหลายๆ ไฟล์เข้ามารวมไว้ในไฟล์เดียวกันเพื่อทำให้สะดวกในการคัดลอกหรือโอนถ่ายข้อมูลและโปรแกรมระหว่างเครื่องคอมพิวเตอรตัวอย่างโปรแกรมยูติลิตี้สำหรับบีบอัดและขยายข้อมูลที่ถูกใช้งานกันมาก ได้แก่ PKZIP.EXE และ PKUNZIP.EXE เป็นโปรแกรมบีบอัดและขยายที่ทำงานบนเอ็มเอสดอส โปรแกรม WinZip ทำงานบนวินโดว์ โปรแกรม WinRAR เป็นต้น
โปรแกรมช่วยคืนไฟล์ที่ถูกลบไปแล้ว – File Undelete
ไฟล์ข้อมูลที่ถูกลบออกแล้วหากยังไม่มีการบันทึกข้อมูลใหม่ทับลงไปยังสามารถเรียกไฟล์เหล่านั้นกลับคืนมาได้ ซึ่งระบบปฏิบัติการในยุคปัจจุบันจะไม่บันทึกข้อมูลใหม่ทับตำแหน่งข้อมูลที่ถูกลบเว้นแต่จะไม่มีพื้นที่บันทึกข้อมูลว่างแล้ว หรือในระบบปฏิบัติการอาจมีวิธีนำข้อมูลที่ถูกลบไปเก็บไว้ในตำแหน่งที่เตรียมไว้ก่อน ซึ่งการเรียกข้อมูลที่ถูกลบทิ้งจะมีคำสั่งหรือโปรแกรมยูติลิตี้ช่วยดำเนินการ แต่ในระบบปฏิบัติการเช่นวินโดว์ 95/98 ได้รวมคำสั่งคืนไฟล์นี้เข้าเป็นคำสั่งของระบบปฏิบัติการตัวอย่างโปรแกรมสำหรับคืนไฟล์ที่ถูกลบ เช่น คำสั่ง UNDELETE.COM ในเอ็มเอสดอส คำสั่ง SALVAGE ในโนเวลล์เน็ตแวร์ หรือการใช้คำสั่ง Restore ใน Recycle Bin (ถังขยะเก็บไฟล์ที่ลบแล้วของวินโดว์)
โปรแกรมช่วยทำข้อมูลสำรอง และนำคืนข้อมูลสำรอง –Backup and Recovery
โปรแกรมยูติลิตี้ประเภทนี้จะทำการคัดลอกไฟล์ข้อมูลเก็บลงในสื่อ เช่นฟลอปปี้ดิสก์หรือเทป เพื่อใช้เป็นสื่อข้อมูลสำรองที่สามารถนำข้อมูลกลับคืนมาติดตั้งใหม่หากข้อมูลในหน่วยบันทึกข้อมูลเกิดเสียหายหรือสูญหายไป โปรแกรมสำรองข้อมูลบางโปรแกรมจะบันทึกข้อมูลสำรองแยกเป็นไฟล์ แต่บางโปรแกรมจะรวมข้อมูลที่สำคัญของดิสก์และระบบปฏิบัติการเป็นร่วมกันโดยไม่ได้คำนึงว่าไฟล์ใดบ้างและเก็บร่วมเป็นไฟล์เดียวกัน เรียกว่าดิสก์อิมเมจ (Disk Image) หากหน่วยบันทึกข้อมูลเสียไปก็สามารถถ่ายข้อมูลดิสก์อิมเมจที่สำรองไว้กลับลงมาได้เหมือนสภาพเดิมทันที
ตัวอย่างเช่น โปรแกรม Backup ของเอ็มเอสดอส และวินโดว์ 95 หรือ 98 โปรแกรม Norton Backup และ Colorado Backup เป็นต้น
โปรแกรมช่วยซ่อมไฟล์ข้อมูลหรือพื้นที่ในการเก็บข้อมูลในดิสก์ – File and disk repair
เมื่อเกิดปัญหาข้อมูลที่ถูกบันทึกในดิสก์เสียหาย หรือระบบการจัดเก็บไฟล์มีบางส่วนเกิดเสียหาย ทำงานไม่ปกติ โปรแกรมยูติลิตี้ด้านการตรวจสอบแก้ไขระบบไฟล์อาจถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้านนี้ ซึ่งการทำงานของโปรแกรมประเภทนี้คือจะอ่านแต่ละส่วนของระบบการจัดเก็บไฟล์ที่เรียกว่าไฟล์ซิสเต็ม (File System) เช่น ส่วนจัดเก็บชื่อไฟล์ ส่วนเชื่อมโยงไปยังเนื้อไฟล์ โครงสร้างการแบ่งไดเร็กทอรี่ และการจัดเก็บเนื้อที่ว่างบนดิสก์ หากพบว่ามีส่วนใดผิดปกติไม่ถูกต้อง จะแสดงรายการข้อผิดพลาดและถามให้ผู้ใช้เลือกว่าจะแก้ไขหรือไม่
ตัวอย่างเช่น Scandisk ที่ทำงานบนเอ็มเอสดอส, Norton disk doctor ในวินโดว์ 95 / 98 เป็นต้น
โปรแกรมตรวจสอบและกำจัดไวรัส – Anti Virus
ไวรัส (Virus) คือคำสั่งโปรแกรมประเภทหนึ่งที่ฝังตัวอยู่ในโปรแกรมประยุกต์หรือโปรแกรมระบบและจะทำการถ่ายทอดตัวเองไปยังโปรแกรมอื่นๆ และแพร่ตัวเองไปบนระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย แล้วทำให้เกิดความเสียหายแก่ไฟล์หรือดิสก์ของระบบนั้นๆ โดยการทำลายโปรแกรมและข้อมูล หรือไวรัสบางตัวอาจทำลายดิสก์ทั้งหมด ไวรัสจะแพร่หลายโดยการใช้โปรแกรมในดิสก์ร่วมกันหรือการใช้โปรแกรมที่โหลดมาจากเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือจากอินเตอร์เน็ต
โปรแกรมตรวจจับไวรัส (Anti-virus Software) เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบสื่อบันทึกข้อมูลทั้งฮาร์ดดิสก์ฟลอปปี้ดิสก์และหน่วยความจำเพื่อตรวจหาโปรแกรมไวรัส โดยโปรแกรมจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบหากตรวจพบพฤติกรรมของไวรัสและบางโปรแกรมจะทำลายไวรัสให้ทันที


     1. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับธุรกิจ (Business-to-Business หรือ B2B) หมายถึง การซื้อขายระหว่างผู้ผลิตด้วยกัน เช่น ผู้ผลิตรถยนต์สั่งซื้อวัตถุดิบจากโรงงานที่เป็นSupplier หรือ ร้านค้าปลีกสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทผู้ผลิตสินค้า เมื่อสต็อกสินค้าลดลงถึงระดับหนึ่ง ผ่านระบบ EDI  โดยส่วนใหญ่ผู้ซื้อและผู้ขายมักจะรู้จักกันล่วงหน้า และอาจทำเอกสารสัญญาที่เป็นกระดาษกันล่วงหน้า ดังนั้นความเสี่ยงที่เกิดจากการซื้อขายจะต่ำ

     2. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับบริโภค(Business-to-Consumer หรือ B2C)หมายถึง การที่ธุรกิจขายสินค้าหรือบริการโดยตรงให้กับผู้บริโภค ช่องทางนี้เป็นช่องทางที่ผู้ผลิตขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถฉกฉวยเป็นโอกาสในการต่อสู้กับบริษัทขนาดใหญ่ได้

     3. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer-to-Consumer หรือC2C) เป็นการค้าระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือระหว่างผู้ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยกันเอง

ข้อจำกัดของ  E-commerce 

1.ข้อจำกัดด้านเทคนิค


-ขาดมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ
-ความกว้างของช่องทางการสื่อสารมีจำกัด
ซอร์ฟแวร์ยังกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา
-ปัญหาความเข้ากันได้ระหว่าง Internet และซอร์ฟแวร์ของ E-commerce กับแอพพลิเคชั่น
-ต้องการ Web Server และ Network Server ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
-การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตยังมีราคาแพงและไม่สะดวก    
ข้อจำกัดด้านกฎหมาย                                                                                                                 
-กฎหมายที่สามารถคุ้มครองการทำธุรกรรมข้ามรัฐหรือข้ามประเทศ ไม่มีมาตรฐานที่เหมือนกัน และลักษณะที่แตกต่างกัน
-การใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์จะมีผลทางกฎหมายหรือไม่
-ปัญหาเกิดจากการทำธุรกรรม เช่น การส่งสินค้ามีลักษณะแตกต่างจากที่โฆษณาบนอินเทอร์เน็ต จะมีการเรียกร้องค่าเสียหายได้หรือไม่
2.ข้อจำกัดด้านธุรกิจ
-วงจรผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle) จะสั้นลง เพราะการเข้าถึงข้อมูลทำได้ง่ายและรวดเร็ว การลอกเลียนผลิตภัณฑ์จึงทำได้รวดเร็ว เกิดคู่แข่งเข้ามาในตลาดได้ง่าย จะต้องมีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เสมอ
-ความพร้อมของภูมิภาคต่าง ๆในการปรับโครงสร้างเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของ E-Commerce มีไม่เท่ากัน
-ภาษีและค่าธรรมเนียม จาก E-Commerce จัดเก็บได้ยาก ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
3.ข้อจำกัดอื่นๆ
-การให้ข้อมูลที่เป็นเท็จบนอินเตอร์เน็ต มีมาก และมีการขยายตัวเร็วมากกว่าการพัฒนาของอินเตอร์เน็ตเสียอีก
-สิทธิส่วนบุคคล (Privacy) ระบบการจ่ายเงิน หรือการให้ข้อมูลของลูกค้าทางอินเตอร์เน็ตทำให้ผู้ขายทราบว่าผู้ซื้อเป็นใคร และสามารถใช้ซอร์ฟแวร์ติดตามกิจกรรมต่าง ๆ หรือส่ง Spam ไปรบกวนได้
-E-Commerce เหมาะกับระบบเศรษฐกิจที่สามารถเชื่อถือและไว้ใจได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ครื่องมือสืบค้นข้อมูล ( Search Engine )

          ปัจจุบันการใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพื่อใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารและแพร่กระจายข่าวสารข้อมูลต่างๆ เมื่อความนิยมในการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างแพร่หลาย ทำให้ปริมาณข้อมูลมีมากขึ้นการสืบค้นข้อมูลจึงเป็นเรื่องยากลำบากในการค้นหา จึงมีบริการสืบค้นข้อมูล (Search Engine) เกิดขึ้นเพื่อเข้ามาช่วยในการสืบค้นข้อมูลให้ง่ายสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ความหมายของ Search Engine
          Search Engine คือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต การที่เราจะค้นหาข้อมูลให้พบอย่างรวดเร็วจะต้องใช้เว็บไซต์สำหรับการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า Seaech Engine Site ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่ ผู้ใช้งานเพียงแต่ทราบหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้วป้อน คำหรือข้อความของหัวข้อนั้นๆ โดย กรอก ข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือ Keyword เข้าไปที่ช่องที่กำหนด แล้วกด Enter ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมา เพื่อให้เราเลือกข้อมูลที่ต้องการเอามาใช้ งาน โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engine นั้นจะทำการแสดงผลแบบ เรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา

เครื่องมือสืบค้นอาจแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. Crawler Based Search Engine
2. Meta Search Engine
3. Classified Directory
4. Subject Gateway

1. Crawler Based Search Engine
Crawler Based Search Engine คือเครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมดัชนีของเว็บเพจ หรือเว็บไซต์ในโลกนี้โดยใช้โปรแกรมตัวเล็กๆ ที่เราๆ ทุกคนอาจรู้จักในชื่อว่า Robot หรือ Spider ทำหน้าที่ในการตรวจหา และ ทำการจัดเก็บข้อมูล หน้าเพจ หรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ

2.Meta Search Engine
Meta Search Engine คือ Search Engine ที่ใช้การค้นหาโดยอาศัย Meta Tag ในภาษา HTML ซึ่งมีการประกาศชุดคำสั่งต่าง ๆ เป็นรูปแบบของ Tex Editor ด้วยภาษา HTML โดยค้นหาจากฐานข้อมูลของ Search Engine หลาย ๆ แห่ง แล้วแสดงผลลัพธ์ออกมาในมาตรฐานเดียวกัน เพราะ Meta Search Engine ไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง จุดเด่นของการค้นหาด้วยวิธีการนี้ คือ สามารถเชื่อมโยงไปยัง Search Engine ประเภทอื่นๆ และยังมีความหลากหลายของข้อมูล

3 Classified Directory
Classified Directory คือสารบัญเว็บไซต์ที่ให้สามารถค้นหาข่าวสารข้อมูล จัดทำโดยมนุษย์ โดยนำข้อมูลที่ปรากฏใน Web ต่างๆ มาจัดเป็นหมวดหมู่ เป็นเรื่องๆ โครงสร้างของการจัดหมวดหมู่จะถูกเตรียมไว้ก่อน ภายใต้แต่ละเรื่องจะทำการแบ่งเป็นเรื่องย่อยๆ ตามลำดับจากเรื่องทั่วไป ไปสู่เรื่องที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น จากนั้นจึงนำเว็บไซต์ต่างๆ ที่รวบรวมมาไปจัดเก็บตามหมวดหมู่ที่จัดทำไว้

4. Subject Gateway
Subject Gateway คือ Classified Directory จัดทำขึ้นเพื่อใช้ค้นหาข้อมูลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เช่นกฎหมาย ศาสนา ศิลปะ การศึกษา สุขภาพ มีการแบ่งหมวดและแยกหัวเรื่องโดยบรรณารักษ์ เน้นการรวบรวมทั้งในระดับกว้างและลึกของสาขาวิชาที่รับผิดชอบ


ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)

     สาระสำคัญ

ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นวิธีการติดต่อสื่อสารที่เกิดจากการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้วิธีหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะมีข้อดีแล้ว
ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ควรศึกษาก่อน การใช้งาน เพื่อให้สามารถตัดสินใจและใช้งานได้อย่างถูกต้อง                  
                                                              ความสำคัญและความหมายของไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์

ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างหนึ่งที่เกิดจากการเชื่อมต่อ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ นิยมเรียกสั้นๆ ว่า อีเมล์ มาจากภาษาอังกฤษคำว่า อิเล็กทรอนิกส์เมล์
(E-mail = Electronic Mail) หรือเรียกว่า จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
มีลักษณะการรับและส่งข้อมูลเหมือนกับการติดต่อสื่อสารประเภทจดหมาย คือ มีการพิมพ์
ข้อความผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วแปลงเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์แทนการเขียนข้อความลงในกระดาษ
แล้วใช้การส่งข้อมูลผ่านทางระบบเครือข่ายจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งแทนการส่งจดหมายผ่านทางไปรษณีย์


การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล

         การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล (File Transfer Protocol: FTP) เป็นการโอนแฟ้มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ซึ่งอาจอยู่ใกล้หรือไกลกัน ในการโอนย้ายข้อมูล เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่และมีการเรียกใช้โปรแกรมสำหรับการโอนย้ายแฟ้มข้อมูล เรียกว่า เครื่องต้นทาง (Local host) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องลูกข่าย ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำการติดต่อไปเพื่อโอนย้ายแฟ้มข้อมูลนั้นเรียกว่าเครื่องปลายทาง (remote host) โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องแม่ข่าย ซึ่งผู้ใช้งานโปรแกรมที่เครื่องต้นทางจะต้องระบุชื่อเครื่องหรือหมายเลขไอพีของเครื่องปลายทางที่ต้องการใช้บริการ
     การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล มีการทำ 2 ลักษณะ คือ
         1. get เป็นการโอนย้ายแฟ้มข้อมูลจากเครื่องปลายทางมายังเครื่องต้นทาง (download)
         2. put เป็นการโอนย้ายแฟ้มข้อมูลจากเครื่องต้นทางไปยังเครื่องปลายทาง (upload)

การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น         การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (Internet forum) เป็นบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การอภิปรายและแสดงความคิดเห็นร่วมกันของผู้คนในสังคมผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งแนวโน้มล่าสุดของการใช้อินเทอร์เน็ต คือ ใช้เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์เพื่อสร้างเครือข่ายทางสังคม (social network) เทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนข่าวสารมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ยูสเน็ต (usenet)  บล็อก (blog)

การสนทนาผ่านอินเทอร์เน็ต         การสนทนาผ่านอินเทอร์เน็ต มี 2 รูปแบบ ดังนี้
         1) การสนทนาเป็นกลุ่ม  เป็นการสนทนาโดยคู่สนทนาจะพิมพ์ข้อความไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นเครื่องเซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อความแสดงบนหน้าจอของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ร่วมสนทนา ซึ่งผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเข้าสู่ระบบ โดยส่วนใหญ่เว็บไซต์จะแบ่งห้องสนทนา (chat room) เป็นกลุ่มหัวข้อต่างๆ  ให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้บริการตามความสนใจ
การสนทนาระหว่างผู้ใช้โดยตรง  เป็นการสนทนาโดยมีเซิร์ฟเวอร์บอกตำแหน่งของโปรแกรมสนทนา (instant messaging)  ของคู่สนทนา ทำให้ผู้ใช้สามารถสนทนากับผู้ใช้อื่นๆ ได้โดยตรง การสนทนาไก้ทั้งการพิมพ์ข้อความ การส่งภาพกราฟิก เสียง และภาพเคลื่อนไหว นอกจากนี้โปรแกรมยังมีฟังก์ชั่นและลูกเล่นต่างๆ ที่เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้โปรแกรมสนทนาที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

บริการค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต         การค้นหาข้อมูลในอดีตนักเรียนจะต้องเดินทางไปห้องสมุด เพื่อหาหนังสือที่เกี่ยวข้อง แต่ปัจจุบันมีอินเทอร์เน็ตซึ่งแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ เปรียบเสมือนข้องสมุดหลายแห่งทั่วโลกที่เชื่อมโยงกัน ดังนั้น การสืบค้นข้อมูลจึงทำได้สะดวกขึ้น แต่งสิ่งหนึ่งที่นักเรียนจะต้อคำนึงถึง คือ การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตนั้น อาจต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะพบเว็บเพจที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ หรืออาจพบแต่เป็นเนื้อหาที่ไม่ถูกต้อง และบางครั้งอาจหาไม่พบเลย


สิ่งที่คุณสามารถทำได้บนอินเทอร์เน็ต

การค้นหาข้อมูล เว็บประกอบด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล มากกว่าข้อมูลในห้องสมุดขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเสียอีก ตัวอย่างเช่น คุณสามารถอ่านข่าวและบทวิจารณ์ภาพยนตร์ ตรวจสอบตารางการเดินทางของสายการบิน ดูแผนที่ถนน ดูการพยากรณ์อากาศในเมืองที่คุณอยู่ หรือค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพได้ แหล่งข้อมูลอ้างอิง เช่น พจนานุกรมและสารานุกรมมีอยู่มากมายในเว็บ เช่นเดียวกับเอกสารทางประวัติศาสตร์และวรรณกรรมคลาสสิค
บริษัทส่วนใหญ่ หน่วยงานของรัฐบาล องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร พิพิธภัณฑ์ และห้องสมุดต่างก็มีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือคอลเลกชันต่างๆ ของตน ผู้ใช้หลายรายเผยแพร่งานเขียนส่วนตัวทางเว็บไซต์ ซึ่งจะเรียกกันว่า สมุดบันทึกเว็บ (ย่อมาจาก แฟ้มบันทึกเว็บ) โดยจะบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับงานอดิเรกหรือสิ่งที่ตนสนใจ

รหัสระบุอุปกรณ์ที่ไม่ซ้ำกัน

รหัสระบุอุปกรณ์ที่ไม่ซ้ำกัน (บางครั้งเรียกว่ารหัสสากลที่ไม่ซ้ำกัน หรือ UUID) คือชุดอักขระที่ผู้ผลิตอุปกรณ์รวมไว้ในตัวอุปกรณ์ และสามารถใช้ในการระบุอุปกรณ์นั้นๆ ได้อย่างเฉพาะเจาะจง (เช่น หมายเลข IMEI ของโทรศัพท์มือถือ) รหัสระบุอุปกรณ์ต่างๆ จะแตกต่างกันไปในด้านความถาวรของตัวชี้อุปกรณ์ ความสามารถในการรีเซ็ตรหัสโดยผู้ใช้ และรูปแบบการเข้าถึง อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งๆ อาจมีรหัสระบุอุปกรณ์ที่ไม่ซ้ำกันหลายรายการได้ รหัสระบุอุปกรณ์ที่ไม่ซ้ำกันสามารถนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบการฉ้อโกง บริการการซิงค์ เช่น กล่องจดหมายของผู้ใช้ การจดจำค่ากำหนดของผู้ใช้ และการแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้อง

พาร์ทเนอร์

พาร์ทเนอร์คือหน่วยงานที่เป็นของกลุ่มบริษัท Google

แคชข้อมูลของแอปพลิเคชัน

แคชข้อมูลของแอปพลิเคชันคือพื้นที่เก็บข้อมูลบนอุปกรณ์ แคชข้อมูลช่วยให้แอปพลิเคชันเว็บทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันโดยทำให้โหลดเนื้อหาได้เร็วขึ้น เป็นต้น

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเว็บในเบราว์เซอร์

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเว็บในเบราว์เซอร์ช่วยให้เว็บไซต์สามารถจัดเก็บข้อมูลในเบราว์เซอร์บนอุปกรณ์ได้ เมื่อใช้งานในโหมด "พื้นที่จัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่อง" ก็จะช่วยให้สามารถจัดเก็บข้อมูลข้ามเซสชันได้ (ตัวอย่างเช่น เพื่อให้สามารถเรียกข้อมูลหลังจากปิดและเปิดเบราว์เซอร์อีกครั้งได้) เทคโนโลยีหนึ่งที่ช่วยให้ใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเว็บได้คือ HTML 5
คุกกี้เป็นไฟล์ขนาดเล็กที่ประกอบด้วยสตริงอักขระซึ่งส่งมายังคอมพิวเตอร์ของคุณเมื่อคุณเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อคุณเยี่ยมชมเว็บไซต์เดิมอีกครั้ง คุกกี้จะยอมให้เว็บไซต์นั้นจดจำเบราว์เซอร์ของคุณไว้ คุกกี้อาจจัดเก็บค่ากำหนดของผู้ใช้และข้อมูลอื่นๆ ไว้ คุณสามารถตั้งค่าเบราว์เซอร์ของคุณใหม่เพื่อปฏิเสธคุกกี้ทั้งหมด หรือให้ระบุเวลาส่งคุกกี้ได้ อย่างไรก็ตาม บางคุณลักษณะของเว็บไซต์หรือบางบริการอาจทำงานผิดปกติหากไม่มีคุกกี้ จะมีการนำเทคโนโลยีอย่างอื่นมาใช้ให้ทำงานคล้ายกับคุกกี้บนแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่คุกกี้ไม่พร้อมใช้งานหรือใช้งานไม่ได้ เช่น รหัสโฆษณาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ Android เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google ใช้คุกกี้และวิธีที่ Google ใช้ข้อมูลต่างๆ ซึ่งรวมถึงคุกกี้ เมื่อคุณใช้เว็บไซต์หรือแอปของพาร์ทเนอร์ของเรา

อุปกรณ์

อุปกรณ์คือคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้เพื่อเข้าถึงบริการของ Google ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์อาจเป็นเดสก์ท็อป แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนก็ได้

บัญชี Google

คุณสามารถเข้าถึงบริการบางอย่างของเราได้โดยลงชื่อสมัครใช้บัญชี Google และแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลกับเรา (โดยทั่วไปคือชื่อ ที่อยู่อีเมล และรหัสผ่าน) ข้อมูลของบัญชีนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อรับรองความถูกต้องให้กับคุณเมื่อคุณเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Google และป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าถึงบัญชีของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณสามารถแก้ไขหรือยกเลิกบัญชีของคุณได้ตลอดเวลาโดยการตั้งค่าบัญชี Google ของคุณ

HTTP Referrer

HTTP Referrer คือข้อมูลที่ส่งไปยังหน้าเว็บปลายทางโดยเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งโดยทั่วไปจะส่งเมื่อคุณคลิกลิงก์ไปยังหน้าเว็บนั้น HTTP Referrer มี URL ของหน้าเว็บล่าสุดที่เบราว์เซอร์เข้าชม

ที่อยู่ IP

อุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะมีหมายเลขประจำ เรียกว่า ที่อยู่ Internet Protocol (IP) เนื่องจากโดยปกติแล้ว หมายเลขเหล่านี้มักกำหนดตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ที่อยู่ IP จึงมักสามารถใช้ระบุตำแหน่งต้นทางได้เมื่ออุปกรณ์นั้นๆ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคลไม่ได้

นี่คือข้อมูลที่บันทึกไว้เกี่ยวกับผู้ใช้โดยไม่ได้ระบุหรืออ้างอิงถึงตัวตนของผู้ใช้แต่ละบุคคลอีกต่อไป

ข้อมูลส่วนบุคคล

นี่คือข้อมูลที่คุณแจ้งแก่เราและเป็นการระบุถึงตัวคุณ เช่น ชื่อ ที่อยู่อีเมล หรือข้อมูลการเรียกเก็บเงิน หรือข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมโยงถึงข้อมูลดังกล่าวได้โดย Google เช่น ข้อมูลที่เราเชื่อมโยงกับบัญชี Google ของคุณ

พิกเซลแท็ก

พิกเซลแท็กเป็นเทคโนโลยีประเภทหนึ่งที่ถูกวางไว้บนเว็บไซต์หรือภายในเนื้อหาอีเมลโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามกิจกรรมบนเว็บไซต์หรือเมื่ออีเมลถูกเปิดหรือเข้าถึง และมักใช้งานร่วมกับคุกกี้

หมวดหมู่ที่ละเอียดอ่อน

หมวดหมู่การโฆษณาอาจมีความละเอียดอ่อนหากเกี่ยวข้องกับหัวข้ออย่างเช่น เชื้อชาติ ศาสนา รสนิยมทางเพศ หรือสุขภาพ ขณะแสดงโฆษณาที่มีการปรับแต่ง เราอาจเชื่อมโยงคุกกี้หรือตัวชี้แบบไม่ระบุตัวตนเข้ากับความสนใจ เช่น "คุกกี้และสูตร" หรือ "การเดินทางทางอากาศ" แต่จะไม่เชื่อมโยงกับหมวดหมู่ที่ละเอียดอ่อน เรากำหนดนโยบายที่คล้ายคลึงกันเพื่อใช้กับผู้ลงโฆษณา

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน

นี่คือข้อมูลส่วนบุคคลบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการแพทย์ซึ่งเป็นความลับ เชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ ความเชื่อทางการเมืองหรือความเชื่อทางศาสนา หรือข้อมูลเรื่องเพศ

บันทึกเซิร์ฟเวอร์

เช่นเดียวกับเว็บไซต์ส่วนใหญ่ เซิร์ฟเวอร์ของเราจะบันทึกคำขอหน้าเว็บของผู้ใช้ในขณะเยี่ยมชมไซต์โดยอัตโนมัติ โดยทั่วไปแล้ว “บันทึกเซิร์ฟเวอร์” รวมถึงคำขอเว็บไซต์ของคุณ ที่อยู่ Internet Protocol ชนิดของเบราว์เซอร์ ภาษาของเบราว์เซอร์ วันที่และเวลาของคำขอของคุณ ตลอดจนคุกกี้หนึ่งไฟล์หรือมากกว่านั้นที่สามารถระบุเบราว์เซอร์ของคุณได้
          

           อินเทอร์เน็ต (อังกฤษInternet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทิอีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้

อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยชั้นสูงของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการสร้างเครือข่ายคือ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ เครือข่าย ARPANET ถือเป็นเครือข่ายเริ่มแรก ซึ่งต่อมาได้พัฒนาให้เป็นเครือข่าย อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน

ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเราหลายๆด้าน ทั้งด้านการศึกษา ด้านธุรกิจและพาณิชย์ ด้านการบันเทิง
-ด้านการศึกษา การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการสนับสนุนการศึกษา เป็นการใช้อินทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารเพ่อการส่งการบ้าน นัดหมาย อธิบารายละเอียด รวมทั้งแลกเปลี่ยนคามคิดเห็นของคณาจารย์กับนักเรียน และนักเรียนกับนักเรียน นอกจากนี้ยังมีระบบการเรียนการสอนด้วยระบบออนไลน์ การเรียนออนไลน์ค่อนข้างเป็นที่นิยมมากในปัจจุบน เพราะเป็นการเรียนที่สะดวกสามารถเรียนได้ในเวลาที่ต้องการ อีกทั้งสามารถลดค่าเล่าเรียนลงไปได้ และทั้งนี้อินเทอร์เน็ตนั้นยังสามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่พร้อมทั้งมีข้อมูลที่ครอบลุมมีทั้งภาพ เสียง และภาพเคลื่อนไหว
-ด้านธุรกิจและพาณิชย์ การใช้อินเทอร์เน็ตกับงานธุรกิจณิชย์นั้นช่วยให้สามารถตัดสินใจซื้อขายสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็วและสะดวก นับว่าเป็นตลาดที่กว้างขวางและมีประสิทธิภาพในการติดต่อซื้อสินค้าและบริการ เพราะคนเราสมัยนี้นิยมความสะดวกสบายและรวดเร็วทันใจ จึงไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลกก็ตามก็สามารถเปิดเว็บไซต์เพื่อเลือกสินค้าหรือหาข้อมูลลิตภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งปรึกษาก็ตามได้ฉับไว
-ด้านการบันเทิง อินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นแหล่งความบันเทิงในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนับการนั่งดูโทรทัศน์ ดูภาพยนตร์ อ่านหนังสือหรือบทความต่างๆ ซึ่งสามารถจะดูหรือใช้งานที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ อินเทอร์เน็ตต่อด้านบันเทิงนั้นถือว่าเป็นพักผ่อนหย่อนใจสามารค้นคว้าวารสารทั้งหนังสือพิมพ์ ข่าวสาร นิยาย วรรณกรรมและอื่นๆผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อีกทั้งสามารถฟังวิทยุออนไลน์ ดูรายการโทรทัศน์รวมทั้งภาพยนตร์ทั้งเก่าและใหม่มาดูได้อีกด้วย



โปรแกรมค้นหาแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ  1) Directory search tool หรือ Subject search
2)  Search engine tool หรือ Keyword search  3) Specialized search tool  
4)  Multi-engine search tool หรือ Meta search

1. Directory search tool หรือ Subject search
                    โปรแกรมค้นหาที่เรียงตามความสำคัญของหัวเรื่องที่เฉพาะเจาะจง หรือแบ่งหมวดหมู่ของเรื่อง (subject) ตามสาขาวิชาต่าง ๆ โดยใช้คนหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นผู้รวบรวมขึ้น (human editors) เช่น เรื่องใหญ่ sports มีเรื่องย่อย football basketball เป็นต้น จัดเก็บเป็นฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ โดยการเสนอแนะของเจ้าของเว็บไซต์ และผู้เชี่ยวชาญในการจัดหมวดหมู่หัวเรื่อง

 2. Search engine tool หรือ Keyword search
                  โปรแกรมค้นหาที่ใช้คำสำคัญในการค้นหาซึ่งจัดเป็น Individual search engine  คือ เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมฐานข้อมูลเฉพาะในเว็บไซต์นั้น ประกอบไปด้วยแฟ้มข้อมูลหน้าเวิลด์ไวด์เว็บ จัดเก็บในรูปดรรชนี โดยใช้โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ ที่เรียกว่า หุ่นยนต์ (robot) หรือ spider ซึ่งจะลัดเลาะไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ จากจุดเชื่อมโยงหนึ่งไปสู่อีกจุดเชื่อมโยงหนึ่ง ตามเครือข่ายที่โยงใยกันมากมายในอินเทอร์เน็ต เพื่อเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ต่าง ๆ ไว้ในฐานข้อมูลของตนเอง

 3. Specialized search tool
                  โปรแกรมค้นหาที่จำกัดขอบเขตเรื่องที่ค้นหาเป็นหัวเรื่อง หรือประเภท
ข้อมูลเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เมื่อเทียบกับโปรแกรมค้นหาเว็บอื่น อาจหาพบได้ช้ากว่า แต่จะได้ยูอาร์แอลที่ตรงประเด็นมาก ตัวอย่างโปรแกรมค้นหาเว็บประเภทนี้

  4.  Multi-engine search tool หรือ Meta-Search 
                  การค้นข้อมูลจากหลาย ๆ โปรแกรมค้นหาพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นโปรแกรม
ในการค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลหลาย ๆ โปรแกรมค้นหา โดยการป้อนข้อคำถาม (query) ให้ส่งไปค้นยังโปรแกรมค้นหา ที่กำหนดแล้วรวมผลลัพธ์ที่ได้มาแสดงผลไว้หน้าเอกสารเดียว โดยไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง ใช้ค้นเมื่อต้องการหาข้อมูลเฉพาะเรื่องอย่างเร่งด่วน รวมทั้งข้อมูลใหม่ ๆ